01 กรกฎาคม 2552

ลูกไม่รักดี…เป็นแบบนี้เพราะเหตุใด

“พ่อแม่เลี้ยงลูกได้แต่ตัว” เป็นคำกล่าวที่ได้ยินกันอยู่เสมอ สำหรับตัวผู้เขียนแล้วเชื่อว่าคงไม่มีพ่อแม่คนไหนที่ต้องการจะเลี้ยงลูกให้ โตแต่ตัวอย่างเดียวเท่านั้น แต่อยากจะเลี้ยงดูฟูมฟักลูกๆของเราให้เติบโตในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สติปัญญาและความประพฤติต่างๆ แต่เพราะด้วยวิธีการเลี้ยงลูก (ที่ผิดๆ) ของพ่อแม่บางคนนั้น อาจส่งผลให้ลูกกลายเป็นเด็กที่มีพฤติกรรมไม่ดี จนบางทีอาจถึงขั้นเป็น “ลูกไม่รักดี” เลยก็เป็นได้

“ลูกไม่รักดี” มีพฤติกรรมเช่นไรบ้าง

1. ไม่ร่ำเรียนหนังสือ เช่น ลูกที่แต่งชุดนักเรียนออกจากบ้านแต่ไปยังไงก็ไปไม่ถึงโรงเรียนสักที เพราะแวะไปเที่ยวบ้านเพื่อน ไปเที่ยวเตร่ตามห้างสรรพสินค้า หนีไปเล่นเกมคอมพิวเตอร์ เวลาสอบไม่เข้าสอบ ตกซ้ำชั้นทุกปีก็ยังไม่แยแส แบบนี้เรียกว่าลูกไม่รักดี แต่พ่อแม่อย่าคิดว่าลูก ที่เรียนไม่เก่งเป็นลูกไม่รักดี เพราะลูกบางคนเขาพยายามตั้งใจเรียนแล้ว ตั้งใจอ่านหนังสือสอบแล้ว ก็ยังสอบตกบ้างผ่านบ้าง กรณีนี้พ่อแม่ต้องคอยให้กำลังใจเขา และคอยเสริมในสิ่งที่เขายังบกพร่องอยู่

2. ทำตัวเกะกะเกเร หากพ่อแม่คนไหนมีลูกเป็นหัวโจก เป็นนักเลงอันธพาล ชอบหาเรื่องวิวาท คงต้องใจสั่นไม่เป็นสุขทุกวัน เพราะต้องคอยกังวลว่าวันนี้มีใครต้องเดือดร้อนเพราะลูกเราบ้าง ลูกแบบนี้เป็นลูกที่ทำลายอนาคตพ่อแม่ ทำให้พ่อแม่เสื่อมเสีย เพราะนอกจากต้องคอยตามสะสางปัญหาให้ลูกไม่เว้นแต่ละวันจนไม่เป็นอันทำอะไร แล้ว มักจะไม่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใด เพราะใครๆก็กลัวจะได้รับความเดือดร้อน จึงไม่อยากข้องเกี่ยว

3. ติดอบายมุข ทั้งเหล้า บุหรี่ ยาเสพติด การพนัน ซึ่งทำให้เสียสุขภาพ เสียการเรียน เสียเงินทอง เสียอนาคต หากกลัวว่าลูกจะติดอยู่ในวังวนนี้ พ่อแม่ต้องสอนให้ลูกรู้ถึงโทษของสิ่งเหล่านี้เพื่อให้เขารู้สึกกลัว เช่น พาลูกไปโรงพยาบาลเพื่อไปดูปอดหรือตับของคนที่เสียชีวิตเพราะติดเหล้าติด บุหรี่ที่แพทย์เก็บรักษาไว้ในโหลดอง หรือหาหนังสือหรือข่าวเรื่องของคนที่ติดการพนันจนหมดตัวไม่มีแม้แต่ที่จะซุก หัวนอนให้ลูกได้ดูได้อ่าน

4. ริรักจนฉุดไม่อยู่ พ่อแม่ที่มีลูกเข้าสู่วัยรุ่นมักกลุ้มใจกับปัญหาลูกมีรักก่อนวัยอันควร จริงๆแล้วตามธรรมชาติของเด็กวัยนี้มักให้ความสนใจกับเพื่อนต่างเพศ แต่บางคนสนใจมากจนควบคุมอารมณ์ ความรู้สึกและการกระทำของตัวเองไม่ได้ จึงเกิดความผิดพลาดเสียหาย เช่น มีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งจนตั้งครรภ์ เกิดเป็นปัญหาครอบครัวและปัญหาสังคมต่อไป

5. ทำร้ายพ่อแม่ ไม่ว่าจะทางกายหรือจิตใจ เช่น ทุบตีเตะต่อยพ่อแม่ ด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย พูดจาเสียดแทงทำร้ายจิตใจ หรือไม่เชื่อฟังคำสอน ลูกประเภทนี้น่าเป็นห่วงที่สุด เพราะทำร้ายได้แม้กระทั่งผู้ให้กำเนิด จึงน่าเชื่อได้ว่าจะสามารถทำสิ่งต่างๆที่ผิดได้โดยไม่รู้สำนึกว่าสิ่งนั้น เป็นสิ่งที่ผิด

ลูกไม่รักดี เพราะพ่อแม่เลี้ยงผิดวิธี
1. ตามใจลูกจนเสียคน พ่อ แม่ประเภทนี้เป็นพ่อแม่ที่ไม่เคยขัดใจลูก ลูกอยากได้อะไรอยากทำอะไรก็ตามใจ แม้เป็นสิ่งไม่ดีก็ไม่เคยปฏิเสธ ไม่ตักเตือนสั่งสอนในสิ่งที่ถูกที่ควร ไม่เคยตำหนิแม้ลูกทำผิด เป็นต้นว่า ถ้าลูกไม่อยากไปโรงเรียนเพราะเบื่อที่ครูเคร่งครัดก็ไปหาโรงเรียนใหม่ให้ ลูกอยากไปเที่ยวกลางคืนไม่กลับบ้านก็ไม่เป็นไรเมื่อไหร่อยากกลับให้โทรศัพท์ ไปบอกเดี๋ยวจะขับรถไปรับ ลูกอยากได้เงินเท่าไหร่ แม้ไม่มีก็ไปหยิบยืมหามาให้ ดังนี้แล้วไม่ว่าลูกต้องการสิ่งใดเขาจะบีบบังคับพ่อแม่จนได้ พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกเป็นเจ้านายเช่นนี้ต้องช้ำใจ เพราะลูกจะเห็นพ่อแม่เป็นเหมือนคนรับใช้เช่นกัน

2. บังคับลูกจนอึดอัด ครอบงำจนลูกกระดิกตัวไม่ได้ พ่อ แม่เลี้ยงลูกเหมือนลูกเป็นคอมพิวเตอร์ที่พ่อแม่ใส่ข้อมูลไว้ให้ อะไรที่นอกเหนือไปจากคำสั่งที่พ่อแม่ตั้งไว้นั่นคือลูกไม่เชื่อฟัง ลูกอกตัญญู ลูกไม่เชื่อง ซึ่งลูกที่ถูกเลี้ยงแบบกดไว้เช่นนี้ หากเขามีโอกาสเป็นอิสระสักนิด เขาอาจเตลิดเปิดเปิงแบบกู่ไม่กลับได้เลยทีเดียว

3. ปล่อยปละละเลย มักเป็นพ่อแม่ที่ให้ความสำคัญกับตัวเองมาก มีชีวิตอยู่กับตัวเอง จนไม่สนใจความเป็นอยู่ใดๆของลูก พ่อ แม่ประเภทนี้เลี้ยงลูกเหมือนเป็นพนักงานบริษัท คือถึงเวลาสิ้นเดือนก็ให้เงินเดือน แล้วให้ลูกไปจัดการชีวิตตนเอง ทำให้ลูกไม่มีความผูกพันกับพ่อแม่เลย ดังนั้นไม่ว่าเขาจะทำอะไรเขาจะไม่สนใจพ่อแม่ เพราะเขาคิดว่าพ่อแม่ก็ไม่เคยสนใจเขาเช่นเดียวกัน

4. ทำไม่ดีเป็นตัวอย่าง เช่น พ่อแม่พูดกันเองหรือพูดกับลูกด้วยถ้อยคำไม่ไพเราะ ลูกก็จะติดมาพูดกับพ่อแม่ได้ เพราะเห็นเป็นเรื่องปกติ หรือพ่อแม่ไม่เคยไปเยี่ยมหรือไม่เคยไปดูแลปู่ ย่า ตา ยายในยามเจ็บป่วยเลย ลูกก็จะไม่รู้ว่าลูกที่ดีนั้นมีหน้าที่ต้องคอยปรนนิบัติพ่อแม่เมื่อเจ็บป่วย

5. ไม่รู้จักวิธีอบรมสั่งสอน สิ่ง เหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับความรู้ของพ่อแม่ ไม่ใช่ว่าพ่อแม่ไม่มีการศึกษาจะสอนลูกไม่ได้ เพราะพ่อแม่บางคนไม่ได้เรียนหนังสือเลย ก็ยังเลี้ยงลูกให้ประสบความสำเร็จเป็นคนดีมีคุณธรรมได้มากมาย แต่เป็นเพราะพ่อแม่บางคนไม่รู้วิธีว่าจะสั่งสอนลูกอย่างไร บางทีพูดไม่เป็น บอกไม่เป็น ซึ่งน่าเห็นใจมาก เพราะลูกมักจะไม่เกรงใจพ่อแม่ เห็นพ่อแม่เหมือนหัวหลักหัวตอ ดังนั้นพ่อแม่ต้องกล้าพูด กล้าตักเตือนลูก ไม่ต้องกลัวเกรงลูก อย่าลืมว่าลูกจะเป็นคนที่รักดีได้นั้นก็มาจากการอบรมสั่งสอนของพ่อแม่นั่น เอง

พ่อแม่ทุกคนย่อมหวังให้ลูกเป็นคนที่ ดี ดีทั้งต่อตนเอง ต่อพ่อแม่และต่อสังคม แต่หากลูกของเราเป็นหรือทำสิ่งใดที่ไม่ถูกต้อง ในฐานะของคนเป็นพ่อแม่แล้วคงรู้สึกผิดหวังและเสียใจเป็นธรรมดา ผู้เขียนอยากเป็นกำลังใจให้พ่อแม่ทุกคนอย่าท้อแท้ แต่ให้ทบทวนถึงสาเหตุที่ทำให้ลูกเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าปัญหาจะเกิดเพราะความบกพร่องของพ่อแม่เองหรือเกิดจากตัวลูกก็แล้วแต่ ให้เรียนรู้ที่จะแก้ไขด้วยใจที่เปิดกว้างด้วยความรัก ความเข้าใจ ความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน การแบ่งปันและการให้โอกาส เชื่อว่าลูกของเราจะเป็น “ลูกที่รักดี” ได้อย่างแน่นอน

ดร.แพง ชินพงศ์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ29 กันยายน, 2552

    งงงงงงงงงงงงงงงง

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ02 กุมภาพันธ์, 2553

    งง ตรงไหน บอกได้จ้า จะได้อธิบายให้ฟัง

    ตอบลบ
  3. เป็นบทควาที่ดีมาก สำหรับพ่อแม่มือใหม่ที่ยังไม่รู้ซึ้งถึงคำว่าทุกข์ใจเรื่องลูกหาทางออกไม่ได้เป็นยังไง?

    ตอบลบ

โดยคนน่ารัก